วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554

บทพากย์เอราวัณ





๏ อินทรชิตบิดเบือนกายิน_________เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ
๏ ช้างนิมิตฤทธิแรงแข็งขัน________เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์
๏ สามสิบสามเศียรโสภา_________เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดั่งเพชรรัตน์รูจี
๏ งาหนึ่งเจ็ดโบกขรณี ___________สระหนึ่งย่อมมี
เจ็ดกออุบลบันดาล
๏ กอหนึ่งเจ็ดดอกดวงมาลย์_______ดอกหนึ่งแบ่งบาน
มีกลีบได้เจ็ดกลีบผกา
๏ กลีบหนึ่งมีเทพธิดา____________เจ็ดองค์โสภา
แน่งน้อยลำเพานงพาล
๏ นางหนึ่งย่อมมีบริวาร__________อีกเจ็ดเยาวมาลย์
ล้วนรูปนิรมิตมายา
๏ จับระบำรำร่ายส่ายหา__________ชำเลืองหางตา
ทำทีดังเทพอัปสร
๏ มีวิมานแก้วงามบวร___________ทุกเกศกุญชร
ดังเวไชยันต์อมรินทร์
๏ เครื่องประดับเก้าแก้วโกมิน______ซองหางกระวิน
สร้อยสายชนักถักทอง
๏ ตาข่ายเพชรรัตน์ร้อยกรอง_______ผ้าทิพย์ปกตระพอง
ห้อยพู่ทุกหูคชสาร
๏ โลทันสารถีขุนมาร_____________เป็นเทพบุตรควาญ
ขับท้ายที่นั่งช้างทรง
๏ บรรดาโยธาจัตุรงค์____________เปลี่ยนแปลงกายคง
เป็นเทพไทเทวัญ
๏ ทัพหน้าอารักขไพรสัณฑ์_________ทัพหลังสุบรรณ
กินนรนาคนาคา
๏ ปีกซ้ายฤาษิตวิทยา____________คนธรรพ์ปีกขวา
ตั้งตามตำรับทัพชัย
๏ ล้วนถืออาวุธเกรียงไกร__________โตมรศรชัย
พระขรรค์คทาถ้วนตน
๏ ลอยฟ้ามาในเวหน_____________รีบเร่งรี้พล
มาถึงสมรภูมิชัย ฯ




๏ เมื่อนั้นจึงพระจักรี_________พอพระสุริย์ศรี
อรุณเรืองเมฆา
๏ ลมหวนอวลกลิ่นมาลา______เฟื่องฟุ้งวนา
นิวาสแถวแนวดง
๏ ผึ้งภู่หมู่คณาเหมหงส์______ร่อนราถาลง
แทรกไซ้ในสร้อยสุมาลี
๏ ดุเหว่าเร้าเร่งพระสุริย์ศรี____ไก่ขันปีกตี
กู่ก้องในท้องดงดาน
๏ ปักษาตื่นตาขันขาน_______หาคู่เคียงประสาน
สำเนียงเสนาะในไพร
๏ เดือนดาวดับเศร้าแสงใส____สร่างแสงอโณทัย
ก็ผ่านพยับรองเรือง
๏ จับฟ้าอากาศแลเหลือง______ธิบดินทร์เธอบรรเทือง
บรรทมฟื้นจากไสยา



๏ เสด็จทรงรถแก้วโกสีย์_______ไพโรจน์รูจี
จะแข่งซึ่งแสงสุริย์ใส
๏ เทียมสินธพอาชาไนย_______เริงร้องถวายชัย
ชันหูระเหิดหฤหรรษ์
๏ มาตลีสารถีเทวัญ__________กรกุมพระขรรค์
ขับรถมากลางจัตุรงค์
๏ เพลารอยพลอยประดับดุมวง___กึกก้องกำกง
กระทบกระทั่งธรณี
๏ มยุรฉัตรชุมสายพรายศรี_____พัดโบกพัชนี
กบี่ระบายโบกลม
๏ อึงอินทเภรีตีระงม__________แตรสังข์เสียงประสม
ประสานเสนาะในไพร
๏ เสียงพลโห่ร้องเอาชัย________เลื่อนลั่นสนั่นใน
พิภพเพียงทำลาย
๏ สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย_____อ่อนเอียงเพียงปลาย
ประนอมประนมชมชัย
๏ พสุธาอากาศหวาดไหว_______เนื้อนกตกใจ
ซุกซ่อนประหวั่นขวัญหนี
๏ ลูกครุฑพลัดตกฉิมพลี_______หัสดินอินทรี
คาบช้างก็วางไอยรา
๏ วานรสำแดงเดชา__________หักถอนพฤกษา
ถือต่างอาวุธยุทธยง
๏ ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง_______แหลกลู่ล้มลง
ละเอียดด้วยฤทธิโยธี
๏ อากาศบดบังสุริย์ศรี_________เทวัญจันทรี
ทุกชั้นอำนวยอวยชัย
๏ บ้างเปิดแกลแก้วแววไว_______โปรยทิพมาลัย
ซ้องสาธุการบูชา
๏ ชักรถรี่เรื่อยเฉื่อยมา_________พุ่มบุษปมาลา
กงรถไม่จดธรณินทร์
๏ เร่งพลโยธาพานรินทร์________เร่งรัดหัสดิน
วานรให้เร่งรีบมา



๏ เมื่อนั้นพระศรีอนุชา__________เอื้อนอรรถวัจนา
ตรัสถามสุครีพขุนพล
๏ เหตุไฉนสหัสนัยน์เสด็จดล______สมรภูมิไพรสณฑ์
เธอมาด้วยกลอันใด
๏ สุครีพทูลทัดเฉลยไข__________ทุกทีสหัสนัยน์
เสด็จด้วยหมู่เทวา
๏ อวยชัยถวายทิพมาลา_________บัดนี้เธอมา
เห็นวิปริตดูฉงน
๏ ทรงเครื่องศัสตราแย่งยล_______ฤๅจะกลับเป็นกล
ไปเข้าด้วยราพณ์อาธรรมม์
๏ พระผู้เรืองฤทธิแข็งขัน_________คอยดูสำคัญ
อย่าไว้พระทัยไพรี
๏ เมื่อนั้นอินทรชิตยักษี__________ตรัสสั่งเสนี
ให้จับระบำรำถวาย
๏ ให้องค์อนุชานารายณ์_________เคลิบเคลิ้มวรกาย
จะแผลงซึ่งศัสตรศรพล



๏ อินทรชิตสถิตเหนือเอรา_________วัณทอดทัศนา
เห็นองค์พระลักษณ์ฤทธิรงค์
๏ เคลิบเคลิ้มหฤทัยใหลหลง________จึงจับศรทรง
พรหมาสตร์อันเรืองเดชา
๏ ทูนเหนือเศียรเกล้ายักษา_________หมายองค์พระอนุชา
ก็แผลงสำแดงฤทธิรณ
๏ อากาศก้องโกลาหล____________โลกลั่นอึงอล
อำนาจสะท้านธรณี
๏ ศรเต็มไปทั่วราศี______________ต้ององค์อินทรีย์
พระลักษณ์ก็กลิ้งกลางพล

บทพากย์นี้แต่งเป็นกาพย์ฉบัง ๑๖ บรรยายลักษณะของช้างเอราวัณไว้อย่างพิสดารช้างนี้เป็นช้างทรงของพระอินทร์ ข้างเอราวัณในตอนนี้เป็นช้างเอราวัณที่พวกฝ่ายอินทรชิต คือการุณราชแปลงมาเป็นช้างเอราวัณลอยมาบนท้องฟ้า และเหล่ายักษ์แปลงตัวเป็นเทวดาทำให้ฝ่ายทัพพระรามยกเว้นหนุมานเผลอตัวชมความงามด้วยเข้าใจว่าเป็นเหล่าเทวดาจริงๆ อินทรชิต เป็นโอรสองค์โตของนางมณโฑกับทศกัณฐ์ เดิมชื่อรณพักตร์ เป็นพี่นางสีดาและไพนาสุริ-ยวงศ์ มีชายาชื่อนางสุวรรณกันยุมา มีโอรส ๒ องค์คือ ยามลิวันและกันยุเวก เมื่ออายุ ๑๔ ปี ไปเรียนวิชากับฤๅษีโคบุตร รู้พระเวทชื่อ “มหากาลอัคคี” คือ ถ้าบูชาพระเป็นเจ้าทั้งสามได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหมครบ ๗ ปี จะมีฤทธิ์ยิ่ง เมื่อครบ ๗ ปีพระอิศวรประทานศรพรหมาสตร์ และพระเวทให้แปลงเป็นพระอินทร์ได้ พระพรหมประทานศรนาคบาศและให้พรว่าตายก็ให้ตายกลางอากาศ หากศีรษะตกพื้นโลกจะลุกไหม้ด้วยไฟกัลป์ ต้องนำพานแก้วของพระพรหมมารับ พระนารายประทานศรวิษณุปาณัม ทศกัณฐ์ใข้ให้ไปปราบพระอินทร์ พระอินทร์แพ้ทิ้งจักรแก้วไว้ จึงนำมาถวายทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์จึงตั้งชื่อให้ใหม่ว่า “อินทรชิต” ในการทำศึกลงกา เมื่อกุมภกรรณตายแล้ว อินทรชิตเป็นแม่ทัพออกทำสงครามหลายครั้ง ครั้งแรกรบกับพระลักษมณ์ไม่แพ้ไม่ชนะกัน ครั้งที่สองทำพิธีชุบศรนาคนาศ ถูกชามพูวราชทำลายพิธีออกรบกับพระลักษมณ์และพลวานรสลบทั้งกองทัพ ครั้งที่สามทำพิธีชุบศรพรหมมาสตร์ แต่ไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์ส่งคนไปแจ้งเรื่องกำปั่นถูกฆ่าตาย จึงทำลายพิธี อินทรชิตแปลงร่างเป็นพระอินทร์ไปในสนามรบ พระลักษมณ์มองเพลิน จึงแผลงศรพรหมาสตร์ล้มสลบ หนุมากขึ้นหักคอช้างเอราวัณก็ถูกตีด้วยคนศรสลบไป ครั้งที่สี่ทำพิธีกุมภนิยาเพื่อชุบตัวเป็นกายสิทธิ์ ก่อนหลบไปทำพิธีทศกัณฐ์ให้สุขาจารแปลงเป็นสีดา อินทรชิตพาไปตัดหัวให้พระลักษมณ์ดูกลางสนามรบ เพื่อลวงว่าสีดาตายแล้ว ให้พระรามยกทัพกลับ จากนั้นหลบไปทำพิธีกุมภนิยา พระลักษมณ์ตามไปทำลายพิธี และทำลายศรวิษณุปาณัม ศรนาคบาศ และศรพรหมาสตร์ อินทรชิตหนีเข้าเมือง ครั้งที่ห้ารบกันพระลักษมณ์ อินทรชิตรู้ตัวว่าไม่รอดตายแน่ ขอให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดา ทศกัณฐ์ไม่ยอมประทานศรสุรกานต์ ให้ออกไปรบอินทรชิตลาลูกเมีย แล้วออกรบ ถูกพระลักษมณ์ฆ่าด้วยศรพรหมาสตร์ องคตพี่ชายร่วมมารดาเดียวกันไปขอพานแว่นฟ้า จากพระพรหมมารองรับไม่ให้ศีรษะตกพื้น เพราะจะทำให้เกิดไฟไหม้โลก อินทรชิตแปลงองค์ให้เหมือนพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ช้างแปลงนี้ดูแข็งแรงและมีฤทธิ์ยิ่ง ผิวของช้างเอราวัณเป็นสีขาวเผือกผ่องสะอาด ราวสีของสังข์และตัวใหญ่โต มีสามสิบสามเศียร แต่ละเศียรมี ๗ งาดุจเพชรสวยงามมาก ในแต่ละงามีสระบัว ๗ สระ แต่ละสระมีกอบัว ๗ กอ กอบัวแต่ละกอมีดอกบัว ๗ ดอก ในแต่ละดอกที่เบ่งบานนี้มีกลีบ ๗ กลีบ กลีบแต่ละกลีบจะมีเทพธิดา ๗ องค์ แต่ละองค์ล้วนรูปโฉมงดงามมาก เทพธิดาแต่ละองค์จะมีบริวารองค์ละ ๗ คน ทั้งหมดนี้ล้วนนิมิตทั้งสิ้น นางเหล่านี้ฟ้อนระบำร่างรำชม้อยชม้ายตาดั่งนางฟ้านางสวรรค์ เศียรช้างแต่ละเศียรจะมีวิมานอยู่ วิมานนี้ดุจดั่งประสาทเวชยันต์ของพระอินทร์เครื่องประดับซองหางล้วนเป็นแก้วนพรัตน์พลอยสีแดงเข้ม กระวิน ( ห่วงที่เกี่ยวสำหรับโยงสัปคับช้างเป็นสร้อยถักด้วยทอง ) เครื่องแต่งหัวช้างเป็นตาข่ายเพชรรัตน์ส่วนที่เป็นตระพองคลุมด้วยผ้าทิพ ที่หูช้างห้อยพู่ทุกหู โลทันสารถีแปลงเป็นควาญช้างขับท้ายช้างทรง บรรดาจตุรงคเสนา ( ทหาร ๔ เหล่า ) ล้วนแปลงกายเป็นเทวดา ทัพหน้าเป็นอารักษ์เทวาผู้รักษาป่า ทัพหลังครุฑ กินนร นาค ปีกซ้ายเป็น ฤๅษี วิทยาธร ปีกขวาคนธรรพ์ จัดทัพตามตำราพิชัยสงครามแต่ละผู้ล้วนถืออาวุธทั้งหอก ศร พระขรรค์ คทากันถ้วนทั่ว



-----------------------------
#เนื้อหาบทความนี้จัดทำขึ้นเพือการศึกษาหากท่านใดพบเห็นข้อความหรือรูปภาพใดใดอันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์กรุณาแจ้งกลับมายังผู้จัดทำโดยเร็วที่สุด#

3 ความคิดเห็น:

  1. แปลหมดรึยังคับเนี้ย ช่วยแปลท่อนนี้หน่อยได้ไหมคับ

    ๏ อึงอินทเภรีตีระงม__________แตรสังข์เสียงประสม
    ประสานเสนาะในไพร
    ๏ เสียงพลโห่ร้องเอาชัย________เลื่อนลั่นสนั่นใน
    พิภพเพียงทำลาย
    ๏ สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย_____อ่อนเอียงเพียงปลาย
    ประนอมประนมชมชัย
    ๏ พสุธาอากาศหวาดไหว_______เนื้อนกตกใจ
    ซุกซ่อนประหวั่นขวัญหนี
    ๏ ลูกครุฑพลัดตกฉิมพลี_______หัสดินอินทรี
    คาบช้างก็วางไอยรา
    ๏ วานรสำแดงเดชา__________หักถอนพฤกษา
    ถือต่างอาวุธยุทธยง
    ๏ ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง_______แหลกลู่ล้มลง
    ละเอียดด้วยฤทธิโยธี

    ช่วยหน่อยคับ

    ตอบลบ
  2. ๏ เมื่อนั้นพระศรีอนุชา__________เอื้อนอรรถวัจนา
    ตรัสถามสุครีพขุนพล
    ๏ เหตุไฉนสหัสนัยน์เสด็จดล______สมรภูมิไพรสณฑ์
    เธอมาด้วยกลอันใด
    ช่วยแปลบทนี้ให้หน่อยนะค่ะ

    ตอบลบ
  3. เสียงพลโห่ร้องเอาชัย________เลื่อนลั่นสนั่นใน
    พิภพเพียงทำลาย
    ๏ สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย_____อ่อนเอียงเพียงปลาย
    ประนอมประนมชมชัย
    ๏ พสุธาอากาศหวาดไหว_______เนื้อนกตกใจ
    ซุกซ่อนประหวั่นขวัญหนี
    ๏ ลูกครุฑพลัดตกฉิมพลี_______หัสดินอินทรี
    คาบช้างก็วางไอยรา
    ๏ วานรสำแดงเดชา__________หักถอนพฤกษา
    ถือต่างอาวุธยุทธยง
    ๏ ไม้ไหล้ยูงยางกลางดง_______แหลกลู่ล้มลง
    ละเอียดด้วยฤทธิโยธี

    ตอบลบ